สองเดือนกับสองขาที่ตระเวณเที่ยวยุโรปโดดๆอยู่คนเดียว

เอาหล่ะค่ะ วันนี้เราขอมาพักชิวๆซักวันหนึ่ง เริ่มต้นยามเช้าด้วยการนอนตื่นสายค่ะ ใช่แล้วก็ตะลุยเที่ยวมาซะทุกวันจนเหนื่อยเมื่อยตัวไปหมดแล้ว ขอเวลาพัก

Velib in Paris

บ้างเล็กๆน้อยๆ กลางกรุงไฮโซโรแมนติกอย่างนี้ เราสองคนก็เลยขอลัลลาให้จังหวะชีวิตมันค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆบ้างละกันนะค่ะ ที่ที่จะพาไปวันนี้ก็คือตลาดค่ะ ใช่แล้ว เพราะว่าเดินมาเยอะ เมื่อยแข้งเมื่อยขา แถมว่าวันนี้ยังเป็นวันอาทิตย์อีกด้วย อะไรจะสำคัญเท่าการหาเสบียงอร่อยๆ ราคาถูกไว้ตุนสำหรับเวลาอีกสองอาทิคย์ที่ต้องเตร็ดเตร่ตะลอนตะลอนอยู่ที่นี่หล่ะค่ะ ฉะนั้นแล้วขอลากคุณผู้อ่านไปดูตลาดของเมืองปารีสนี้กับพวกเราละกันค่ะ

ตามที่เกริ่นไว้ว่าเดินกันจนเมื่อยขาไปหมด ระบมไปทั่วตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฉะนั้นเราเลยขอเปลี่ยนมาขี่รถจักรยานกันดูบ้างค่ะ ในกรุงปารีสที่มีรถจักรยานไว้บริการอยู่เป็นร้อยๆจุด เค้าเรียกกันว่า Velib ค่ะ เป็นคล้ายๆรถจักรยานให้เช่า ส่งเสริมให้คนใช้รถน้อยลง และประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงนั่นเองค่ะ แล้วในเมื่อคนฝรั่งเศสค่อนข้าง active อยู่แล้ว ฉะนั้นการปั่นจักรยานก้เหมือนเป็นการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ รถจักรยานนี้จะจอดเรียงอยู่เป็นตับในสถานนีซึ่งจะพบเห็นได้อยู่ทั่วกรุง Velib นี้มีเอกชนมาขอสัมปทานจัดการให้ ทุกคนไม่เว้นแม้แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถใช้จักรยานนี้ด้ เพียงแต่ต้องซื้อรหัสใช้จักรยานที่สถานีจอดจักรยานเหล่านี้ เพียงแต่คุณมีเครดิตการ์ดที่มีวงเงินเกิน 100 ยูโรก็สามารถยืมจักรยานไปใช้ได้ ทั้งนี้สามารถยืมจักรยานจากสถานีหนึ่ง แล้วไปคือนอีกสถานีหนึ่งก็ได้ ไม่มีใครว่าแม้แต่น้อย และที่สำคัญก็คือว่าคุณสามารถเช่ารายวันแต่จ่างเพียงหนึ่งเหรียญ หรือเช่าฟรีหากคุณจอดรถภายในเวลาครึ่งชั่วโมงหลังจากที่คุณเอารถออกมา ฉะนั้นแล้วด้วยประการะฉะนี้ การใช้ Velib จึงเหมาะสุดๆกับวันอาทิตย์เบาๆอย่างวันนี้ค่ะ สนใจข้อมูลเวลิบไปหาได้ที่ http://www.velib.paris.fr/

ฉะนั้นแล้วหลังจากตื่นนอนอย่างเบาๆของวันขี้เกียจๆ เราก็ตระเวณออกไปลองหาสถานี Velib หน้าบ้าน รูดบัตร ดึงจักรยาน แล้วพากันปั่นไปบนถนนโล่งกว้างของสายวันอาทิตย์ในนครปารีสแห่งนี้ เพราะว่าไม่ได้มีแผนที่แน่นอน เราเลยกะว่าจะปั่นไปเลียบถนน Saint Germain de Peres วนรอบอนุสาวรีย์ Le Concord

Rue de Saint Germain de Pere

และข้ามน้ำ Seine ไปอีกฟาก แล้วค่อยๆปั่นต่อไปตามประสา อากาศดี ลมเย็นๆพัดมา ไม่นานก็เห็นคนปั่นจักรยานกลุ่มอื่นก็พากันปั่นตามกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เราจีงลองออกนอกเส้นทาง แล้วตามเค้าไปมั่ง แต่ตามไปได้ซักระยะ เราก็พบกับไฟแดง ต้องทิ้งท้ายกลุ่มจักรยานกลุ่มนั่น แล้วปั่นเล่นสองคนบนเลนส์จักรยาน

ปัญหาสำคัญของการปั่นจักรยานในเมืองใหญ่เช่นนี้ก็คือเราไม่รู้ที่รู้ทางพอ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วด้วยระดับความเร็วของจักรยานคันกระจ้อยก็ทำให้เราต้องหลงอยู่เป็นระยะๆ ต้องคอยมองอยู่ตลอดย่าถึงถนนเส้นไหนแล้ว โชคดีที่ป้ายบอกชื่อถนนมีอยู่ทั่วทุกหนระแหง ฉะนั้นต่อให้หลงก็ไม่กลัวเท่าไหร่ เราปั่นไป มองรถไป ค่อยๆวิ่งไปบนเลนส์น้อยๆซึ่งบางครั้งก็ต้องแชร์กับพวกรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกรถยนต์เบียดให้ตกทางหลัก จึงเข้ามาแจมกับทางรองของพวกเราเป็นระยะระยะ ก่อนที่จะไปตลาด เราพากันแวะที่มหาวิหาร Pantheon วิหารขนาดใหญ่ที่เคยเกริ่นให้ฟังไปแล้วว่าเป็นที่เก็บอัฐฐิของบรรดารัฐบุรุษของประเทศฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว

Pantheon, Paris

ไอ่เราแอบตื่นตาตื่นใจกับPantheon แห่งนี้เพราะเคยทำรายงานสถาปัตยกรรมของ Pantheon ที่กรุงโรม เลยอยากรู้ว่ามันจะเหมือนกันขนาดไหน พอเข้าไปปุ๊บก็รู้สึกว่ามันคล้ายกันอย่างประหลาด โดยเฉพาะโดมข้างในที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดเสียงสะท้อนโดยเฉพาะ พอเดินดูประวัติเรื่องเล่าตามตำนานของศาสนาคริสต์ในนั้นได้ไม่นานก็มีไกด์ภาษาอังกฤษร้องเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปดูบนยอด Pantheon มารวมตัวกันเพื่อเค้าจะได้พาขี้นไปพร้อมกันทีเดียว ไอ่เราก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจ เริงร่ารีบตามพวกฝรั่งไปกับเค้าด้วยอีกคน

จากสภาพ Pantheon อันสวยงามหมดจดเราเริ่มเห็นริ้วรอยของกาลเวลาเมื่อเราเริ่มก้าวไปสู่ประตูลับของนักบวชที่พาไปสู่บันไดเวียน และบริเวณทางเดินทึมๆที่อยู่ด้านบน เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอับนิดๆ ของอากาศในทางลับแห่งนั้น ไกด์ค่อยๆอธิบายทีละอย่างสองอย่าง บรรดาลูกทัวร์ต่างเงี่ยหูฟัง ยกเว้นเด็กเล็กๆสองสามคนชาวอิตาเลียนที่ยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษดีนัก เราค่อยๆไต่บันไดขอบหลังคาขี้นไปยังชั้นดาดฟ้าบนสุดที่มีลมโกรกอยู่เป็นระยะๆ และภาพเบื้องหน้าที่เห็นของนครปารีสช่างดูยิ่งใหญ่อลังการ์เสียเหลือเกิน มหาวิหารบนเนิน Montmartre และหอไอเฟล ตั้งอยู่คนละมุมเมือง เกาะ Ile de la Cite อันเป็นที่ตั้งของ Notre Dame ช่างดูสง่างาม และสูงส่งจนบังเงาของแม่น้ำ Seine เบื้องล่างไปจนหมด ภาพบริเวณที่พักอาศัยอันเป็นตึกเก่ามีรูปทรงเดียวกันทั้งเมือง นอกจากนี้ตลอด 360 องศารอบๆ ยอด Pantheon แห่งนี้ เราเห็นเพียงตึกเรียงรายจนไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว นับเป็นหนึ่งในภาพประทับใจจริงๆของนครแห่งนี้

panorama from the top of Pantheon

พอลงมาจากวิหาร Pantheon เราสองคนก็พากันขับจักรยานต่อไปยังตลาด Mouffetard บริเวณ Latin Quartier พอจอดรถเสร็จก็ถึงเวลาช๊อปของกินกันเลยทีเดียว แถบนั้น เต็มไปด้วยร้านขายของชำ และอาหารแห้งอาหารสดมากมาย ทั้งเนื้อทั้งผัก ทั้งขนมนมเนยหรือร้านเอเชีย ล้วนมีให้เลือกสรรอย่างไม่รู้จบ แต่คนเอเชียไส้แห้งอย่างเราก็มีแต่หันหน้าเข้าร้านลาวซึ่งมีขายครบตั้งแต่สาหร่ายเถ้าแก่น้อยไปจนถึงชาไข่มุก และทอดมันปลาสำเร็จรูป แล้วมีหรือที่สองสาววัยกำลังกินกำลังนอนจะปล่อยโอกาสอันโอชะนี้ให้หลุดมือ เราเลยปรึกษากันแต่น้อย แต่เลือกอาหารแต่มาก ตุนไว้สำหรับทั้งอาทิตย์ และขณะที่กำลังจ่ายเงินนั้นเองพนักงานหน้าตาเอเชียบ้านเราก็ถามเป็นภาษาไทยแบบไม่สู้ชัดนักว่าเป็นคนไทยรึเปล่า ไอ่เราก็เหวอใส่อยู่แป็บ คุยไปมาปรากฏว่าเป็นคนลาวที่มาอยู่ปารีส แต่ฟังไทยรู้เรื่องอยู่บ้าง เราเลยพาลสันนิษฐานว่าคนลาวไฮโซเดียวนี้ฟังไทยรู้เรื่องคงเพราะยดูละครไทยด้วยกระมัง

เดินๆดูๆกินๆ แค่แป็บเดียวเองเวลาก็หมดลงเสียแล้ว นี้แหล่ะน่ะที่เค้าว่าตอนที่เรามีความสุข เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ เชื่อกันเลยสิคราวนี้

วันนี้เม้าธ์ฝอยน้ำลายฟุ้งไปหลายหยดแล้วค่ะขอพอก่อนแค่นี้ละกันนะค่ะ วันหน้าค่อยมาต่อใหม่ค่ะ

ใส่ความเห็น