เอาหล่ะค่ะ เราเดินทางมาถึงนครหลวงแห่งพิพิธภันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ฉะนั้นจะให้อดตาอดใจทนไม่ตามไปเยี่ยมชมบรรดาเคหะสถานที่บรรจุภาพสวยๆ งานศิลปะงามๆ พร้อมทั้งโบราณวัตถุสำคัญๆต่างๆของโลกยังไงไหว ฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าที่ไหนมีอะไร ไปยังไง แล้วเป็นยังไงกันบ้าง ที่แรกเริ่มที่พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดคือ Louvre ค่ะ
จำกันได้มั้ยค่ะว่าก่อนหน้านี้เราเคยพาทุกท่านมาเที่ยวเล่นกันบ้างแล้ว ก็ตอนที่มาทัวร์กับคุณไกด์ไงค่ะ แต่ว่าคราวนั้นแต่ได้เฉียดผ่านๆเท่านั้นไม่ได้เข้าไปดูข้างในจริงๆซะเมื่อไหร่ ฉะนั้นคราวนี้จัดให้ค่ะ ลอง
Louvre กะ Pyramid
เข้าไปดูข้างในกัน ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบพระคุณคุณเพื่อนผู้ใจดีให้เรายืมบัตรนักเรียน เพื่อที่จะได้เข้าไปเดินดุ่มๆดูของสวยๆงามๆข้างในกันก่อน ที่นี่นะค่ะ ถ้าหากว่าเป็นนักเรียนและมีถิ่นที่พำนักในสหภาพยุโรป เค้าให้เข้าฟรีค่ะ ฉะนั้นแล้วด้วยเหตุนี้ เองคุณเธอเลยเอาบัตรเธอไว้ให้ใช้เผื่ออยากไปดูอะไรๆคนเดียว แต่ข้อควรระวังก็คือควรหาเพื่อนที่หน้าตาคล้ายคลึงกันหน่อยก็จะดีค่ะ เพราะถึงแม้ว่าเค้าไม่ได้เคร่งอะไรมาก แต่ว่ากันไว้เผือเค้าถามก็จะดีกว่าไม่น้อยเลยค่ะ เอาเป็นว่าอย่างน้อยๆ หาคนที่เพศเดียวกัน ผมผิวสีเดียวกันก็น่าจะพอผ่านไปได้ค่ะ
ไปถึงลูฟร์ปุ๊บ ฝนกลับตกซ่ะนี่ แถมคิวเข้าตรงพีระมิดกลางลานกว้างระดับพนนก็ยาวเหยียดอีก ฉะนั้นเราเลยหาทางซอกแซกไปเข้าอีกทางค่ะ เคล็ดก็คือว่าให้เดินไปเรื่อยๆเลียบกับบริเวณฝั่ง Saint Honere’ ที่ติดกับตัวอาคาร (ไม่ใช่ฝั่งด้านริมน้ำ Seine ค่ะ) เดินไปปุ๊บก็จะมีป้ายเขียนบอกว่ามีห้างสรรพสินค้าอยู่ข้างล่าง ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าสังเกตง่ายเพราะคนเยอะมาก เข้าไปปุ๊บจะเป็นห้างใต้ดินของพิพิธพัณธ์ มีทั้งร้านแอปเปิ้ล กระเป๋าไฮโซมากมาย พอเดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะพบว่ามันพาเราไปเข้าคิวยาวเพื่อตรวจสัมภาระซึ่งจะพบว่าคนจีนเป็นกลุ่มๆมาต่อคิวส่งเสียงดังกันเต็มไปหมด ไม่
Pyramid กลับหัว
ต้องกลัวค่ะ พวกนั้นเค้ามากะทัวร์มีไกด์มาด้วย เค้าไม่ทำไรพวกเราหรอกค่ะ หากคิดว่าหาไม่เจอ หรือหลงทาง ก็ให้ถามๆหาพีระมิดกลับหัวค่ะ ก็แถวมันอยู่ใกล้ๆแถวนั้นหาไม่ยากเท่าไหร่ ต่อคิวเสร็จ เราก็ได้เข้าไปซื้อตั๋วซักทีหนึ่ง แต่เพราะคุณเพื่อนให้บัตรมาแล้ว แทนที่ต้องไปซื้อตั๋วผ่านตู้ เราก็ไปที่เค้าท์เตอร์ให้เค้าตรวจบัตรแล้วเราก็เข้าได้เรยค่ะ อ้อแล้วก็อย่าลืมหยิบเอาแผนที่มาด้วยนะค่ะ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน
เพราะว่าที่พิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่มากจริงๆ ฉะนั้นเราไม่ควรเดินสุ่มสี่สุ่มห้าค่ะ โดยเฉพาะคนที่มาเดี่ยวๆอย่างพวกเรา อาจถูกฝูงชนเบียดเสียดจนตกบันไดก็ได้ ฉะนั้นแล้วค่อยๆเดินๆดูๆไปค่ะ หากมีภาพอะไรอันไหนอยู่ในใจก็ให้ถามเจ้าหน้าที่ว่ามันอยู่ตรงไหน เค้าก็จะบอกห้อง บอกตึกให้เราได้ไปดูค่ะ แต่ว่าถ้าไม่มีไอเดียก็เปิดกางแผนที่ดูว่าอะไรน่าสนใจบ้าง เช่น โมนาลิซ่า หรือห้องชุดจำลองของนะโปเลียน เค้าก็จะบอกค่อว่าอยู่ไหนยังไง นอกจากนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ให้เราสอบถามอยู่ทั่วทุกระแหง ไม่ต้องกลัวค่ะ
Monalisa
ลูฟร์นี้จะดังในเรื่องศิลปะสมัยยุคกลาง และยุค renaissance ฉะนั้นแล้วภาพพวก fresco และ portrait เจ้าขุนมูลนายสมัยก่อนก็ยังมีให้ชมได้อยู่เรื่อยๆ ส่วนงานสถาปัตยกรรมก็มีหลากหลายทั้งที่เป็นแกะหินอ่อนรูปคน หรือสิงสาราสัตว์ เทพเจ้ากรีก นิยายปรัมปรา ให้เราดูไปเพลินๆได้เหมือนกันค่ะ แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงศิลปะยุโรปเท่านั้นนะค่ะ ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาพวกของโบร่ำโบราณวัตถุจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่เสาสลักของอียิปต์ ไปจนถึงเครื่องปั้นของจีน ก็มีค่ะ ใครอยากถ่ายรูปอะไรก็ทำได้ค่ะ เพียงแต่อย่ามีแฟลชก็พอ ส่วนฝูงชนที่เดินตามกันมา ก็มีมหาศาล ก็อย่าเพิ่งรำคาญกันไปใหญ่ละกันค่ะ
ด้วยคอลเล็กชั่นที่ใหญ่ขนาดนี้เดินวันเดียวค่อยๆดูก็คงไม่น่าจะหมด แต่ที่สำคัญเลือกดูอันที่อยากดู
Musee' d'Orsay
จริงๆดีกว่าค่ะ เพราะว่าไม่งั้นเสียดายเวลาที่ต้องอดดูอันอื่นๆไปหมด แต่หากใครที่อินกับเรื่องพวกนี้ก็อย่าลืมแวะไปที่พิพิธภัณฑ์อีกแห่งด้วยนะค่ะ นั่นคือ Muse’e d’Orsay ที่นี่เรียกว่าเป็นแหล่งของศิลปะแนวโมเดิร์น ตั้งแต่แบบ Cubism ของปิกัสโซ่ ยุค Expressionism จนถึงยุคImpressionism ของMonet Manet Pissaro Renoir Decart Sisleyหรือแม้แต่ Van Gauh เองก็ตาม ก็คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคยพำนักอยู่ในกรุงปารีสมาแล้วทั้งสิ้นค่ะ ฉะนั้นแล้วผลงานที่ตกทอดมาก็มีให้เลือกชมอยู่ไม่ขาดตา ภาพที่เห็นก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพที่ลูฟร์ ที่นี่ภาพจะดูมีชีวิตจิตใจ บางทีก็รู้สึกถึงน้ำหนักพู่กันสีน้ำมันที่ใส่ออกไปอย่างเอาเป็นเอาต่าย บางครั้งอารมณ์ของภาพผสมกับสีสันก็ทำให้ดูออกยากว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ต้องค่อยๆดูแล้วปลงๆว่านี้คือ abstract art ของจริง แต่ถ้าจะเทียบแล้วโดยส่วนตัวแอบชอบที่นี่มากกว่าลูฟร์ค่ะ เพราะว่ามันดูรู้เรื่อง เข้าใจมากกว่า แล้วก็ค่อนข้างทันสมัยกว่าด้วย ก็ไม่ให้ทันสมัยไงไหวละค่ะ ภาพที่นี่เพิ่งวาดมาได้ไม่ถึงสองร้อยปีดีเลยนี่หน่า เอาเป็นว่าใครมีเวลาน้อยแล้วอยากเพลิดเพลินเจริญหูเจริญตาก็มาชมกันที่นี่แล้วกันนะค่ะ เท่าที่จำได้ถ้ามาตอนเย็นๆเค้าจะมีลดราคาให้ด้วยค่ะ ส่วนนักเรียนสังกัดสหภาพยุโรปก็เหมือนเดิมเข้าชมฟรี แต่ว่าโชว์บัตรที่มีรูปถ่ายให้เจ้าหน้าที่ดูก่อนอีกด้วย อ๋อ แต่ถ้าจะมากัน ก็มาเช้าๆหน่อยค่ะ คิวแอบยาวอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้แล้วแกลเลอรี่ที่อยากแนะนำให้ไปดูอีกที่คือMusee’ de l’Orangerie ค่ะ อยู่ในสวน Tuillerie หน้าลูฟร์นั่นเอง ที่นี่มีภาพ Lotus อันโด่งดันของ Monet อยู่ใครอยู่ในวงการห้ามพลาดเด็ด
ขาด เพราะที่นี่เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆค่ะ เป็นภาพขนาดใหญ่มากมาก
Monet's Waterlillies
ติดทั้งผนังห้องที่เป็นทรงวงรี แต่ละด้านของผนังก็มีภาพนี้แปะอยู่ แม้คุณ Monet จะวาดสระบัวหน้าบ้านเหมือนกัน แต่พราะวาดในคนละเวลาฉะนั้นแสงสีก็ต่างกันไปด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง อีกทั้งด้วยขนาดอันมหึมาของภาพนี้ก็ทำให้เรารู้สึกเล็กลงไปโดยปริยาย นั่งที่เก้าอี้มองภาพแค่นี้ก็มีความสุขได้ค่ะ นอกจากนี้แล้วที่ Orangerie ก็ยังมีภาพแนว Modern ให้ชมกันด้วย ทั้งของ Sisley Modigliani ก็มี ถึงแม้ว่าคอลเล็กชั่นจะไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ก็ลองๆไปดูกันนะค่ะ ไม่ผิดหวังค่ะ ส่วนใครที่อยากซื้อหของฝากติดไม้ติดมือที่นี่ก็มีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆค่ะ ไปหาซื้อกันได้ ราคาก็แอบสูงกว่าข้างนอกนิดหน่อย แต่ก็ไม่แน่ว่าข้างนอกจะมีของเหมือนกันรึเปล่า ยังไงก็คิดดูให้ดีๆละกันค่ะ
Centre George Pompidou
ที่สุดท้ายที่จะพาไปชม art collection ก็คือ Centre George Pompidou ค่ะ ตัวอาคารของที่นี่เป็นลักษณะโมเดิร์นสุดๆ ไม่ซ้ำแบบใคร ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งอนาคตยังไงยังงั้น ที่นี่นอกจากจะมีผลงานแสดงทางศิลปะแล้ว ก็ยังมีห้องสมุด และห้องทำกิจกรรมไว้สำหรับเยาวชนชาวปารีสได้มาใช้บริการกันอีกด้วยค่ะ แต่เพราะว่าไม่ได้มีเวลาเยอะขนาดนั้น เราเลยเลือกไปดูชั้นบนที่เป็น gallery ก่อน ที่นี่มีผลงานร่วมสมัยให้ชมอยู่เยอะเลยค่ะ จัดไว้เป็น campaign แสดงช่วงๆ ตามแต่ที่เค้ากำหนดไว้ ศิลปินส่วนมากก็มาจากยุโรป และอเมริกา ที่เรียกว่างานร่วมสมัย ประกอบไปทั้งที่เป็นแสง สี เสียง ภาพ อะไรต่างๆ อย่างตอนที่ไปนี้ เค้าก็มีเรื่องเกี่ยวกับ ผู้หญิงและการทารุณกรรมทางเพศ นับว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจทีเดียว ผลงานที่แสดงก็ถือว่าไม่เลวค่ะ มีลูกเล่นเยอะแยะ บางอันก็โดนจึ๊กเข้าไปเต็มๆ บางอันก็ออกแนวประชดประชัน ปลุกกระแสสังคมได้อีกทางเลยทีเดียว
เอาหล่ะค่ะ ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันมาเยอะแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกรุงปารีสแห่งนี้นะค่ะ ยังค่ะ เรายังไม่ได้ไปไหน เดี๋ยวจะพาไปดูว่าเค้ามีอะไรกินกันที่นี่บ้าง รออีกนิดหนึ่งละกันค่ะ